In My Heart (YulSeo Ft.SNSD) - นิยาย In My Heart (YulSeo Ft.SNSD) : Dek-D.com - Writer
×

    In My Heart (YulSeo Ft.SNSD)

    ความรักกับความรู้สึกแรกพบจะตราตรึงในหัวใจ เมื่อเรือนใจถวิลหา...

    ผู้เข้าชมรวม

    1,417

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    1.41K

    ความคิดเห็น


    5

    คนติดตาม


    8
    จำนวนตอน :  3 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  8 ธ.ค. 57 / 02:29 น.
    e-receipt e-receipt
    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    บทนำ

     

    ฤดูหนาวเพิ่งมาเยื้อนไม่กี่วันหิมะพลันตกราวกับสายฝนโปรย   พื้นแปรเปลี่ยนเป็นสีขาวโพลน    ชายหญิงในชุดดำสนิทต่างกางร่มสีเดียวกันกับชุดยืนท่ามกลางหิมะโปรย   ใบหน้าโศกไร้แววแห่งความสุขภิรมย์   บ้างสะอื้น   บ้างเย็นชา   บ้างสงบนิ่งคล้ายวิงวอนต่อพระเจ้าเพื่อส่งวิญญาณบริสุทธิ์สู่อ้อมกอดพระองค์   นาฬิกาบนข้อมือบอกเวลา 14 นาฬิกาตรง   แต่หิมะบนฟ้ากลับไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก   มันกลับเทาทะมึนชวนให้รู้สึกหดหู่เปล่าว้างในหัวใจ    วันนี้ทั้งวันไม่มีแม้กระทั่งแสงสีทองอร่ามของพระอาทิตย์สาดส่องถึงยิ่งดูเศร้าสลด   แม้สีสันของดอกไม้หลากสีบนหน้าป้ายชื่อผู้ที่นอนหนาวและเย็นชืดในสถานที่ซึ่งวาระสุดท้ายของชีวิตมาเยือนต่างยิ้มเย้ยว่าชีวิตคนเราช่างสั้นยิ่งนัก 

                   ใบหน้าเรียวแหงนมองท้องฟ้าที่เป็นต้นสายของปุยสีขาวเย็นยะเยือก    ค่อยๆยื่นฝ่ามือบางสัมผัสเกร็ดบางเบาที่กำลังพวยพุ่งจากเบื้องบนตกสู่พื้นดินเบื้องล่างราวกับใบไม้ร่วงโรย

                   ความเย็นแล่นจากปลายนิ้วแผ่ซานสู่ร่างกายภายในให้เย็นวาบจนต้องชักมือกลับ   ใบหน้านั้นเหลือบมองซีกหน้าซีดเผือดไม่มีเลือดฝาดแม้จะแต่งเติมใบหน้าให้ดูสวยสดของหญิงวัยกลางคนด้านข้าง   หล่อนนัยน์ตาแดงระเรื่อและบวมซ้ำเพราะร้องไห้มาตลอดทั้งคืน   มือบางสอดแตะสัมผัสมือที่กำลังสั่นระริกด้วยความโสมนัส    ไออุ่นเข้ามาแทนที่ความหนาวเหน็บหล่อนหันมาระบายยิ้มบางๆก่อนจะกำมือบางแน่นราวกับโหยหา ใบหน้านั้นยิ้มตอบกลับเพื่อปลอมประโลมคนหัวใจอ่อนไหว

                   ดวงหน้าเรียวกวาดมองโดยรอบนอกจากสีดำทมิฬเบื้องหน้าของชุดที่บรรดาชายหญิงต่างวัยใส่มาร่วมงานแล้ว   แทบไม่มีอะไรแตกต่างไปจากเมื่อก่อนมากนัก   ไม่สิ   เพราะครั้งก่อนมันเป็นฤดูใบไม้ผลิบริเวณนี้และบริเวณอื่นจึงเต็มไปด้วยความสดชื่นเหมาะแก่การเริ่มต้นชีวิตใหม่เช่นเดียวกับชีวิตเธอ

                   18 ปีก่อน   เธอเคยเป็นเพียงเด็กหญิงตัวน้อยที่ยืนร้องไห้ยิ้มรับกับโชคชะตาของพระเจ้าที่พรากคนรักของเธอและแม่ไป   ในวันนั้นราวกับทั้งโลกล่มสลาย   แม้พระอาทิตย์จะทอแสงสว่างไสวเหมือนอ้าแขนโอบกอดให้ไออุ่นแก่คนทั้งโลก   สำหรับเธอมันคือวันแห่งการสูญเสียและสูญสิ้น    ดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ส่งพ่ออันเป็นที่รักสู่สรวงสวรรค์ในที่ซึ่งเธอไม่อาจก้าวข้ามไปหาผู้ซึ่งเป็นที่รักตลอดกาล  

                   เจ้าตะวันแสนงี่เง่ากับดอกไม้สีขาวแทนความบริสุทธิ์อย่างนั้นนะหรือ...ชิ   เธอเบ้ปากทำเสียงไม่พอใจในลำคอ

                   นับจากวันนั้นเธอไม่เคยร้องไห้อีกเลย   ชีวิตเธอกับแม่ผ่านอะไรมามากมายผู้หญิงตัวคนเดียวกับลูกสาวที่อายุยังไม่ถึง 6 ขวบดี    ถูกขนบประเพณีกักขังอย่างกับนกในกรง    แม่ไม่อาจมีคนรักใหม่เพราะกลัวถูกตราหน้าเป็นผู้หญิงมากรักหลายชาย   และเธอผู้เป็นเด็กไม่ประสีประสาถูกเพื่อนล้อว่าเป็นลูกไม่มีพ่อ    คิดแล้วอยากตะบันหน้ามันสักครั้งสองครั้งให้สาแก่ใจ  

                   ยูล...มั่วยืนทำอะไรหลวงพ่อท่านกำลังจะทำพิธี   หญิงกลางคนด้านข้างสะกิดเธอเบาๆ

                   ขอโทษค่ะ  

    เธอยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูอีกครั้ง   ขณะนั้นเข็มยาวชี้เลข  6   เข็มสั้นชี้เลข  3   บอกเวลา   15 นาฬิกาครึ่ง   จึงเสร็จสิ้นพิธีสวดส่งวิญญาณผู้ล่วงลับสู่แดนสุขาวดีที่ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าสิ่งสถิต

    ขณะลมหอบละอองหิมะมาอีกระลอก   ผู้คนต่างทยอยกลับ   ท่ามกลางเสียงฝีเท้าย้ำลงบนพื้นที่ราวกับถูกปูด้วยพรมหิมะขาวโพลน   เด็กสาวใบหน้ารูปไข่พ่วงแก้มชมพูอมแดงมองไม่ออกว่าแต่งหน้าหรือเพราะอากาศหนาว   ผมสีดำขลับตัดหน้าม้าเปียยาวสองข้างละถึงแผ่นหลัง    ยืนสงบนิ่งงันเหมือนแม่น้ำ   นัยน์ตาเด็กสาวว่างเปล่าเหม่อมองสถานที่ซึ่งคนผู้นั้นนอนหนาวชืดและจากไปยังที่ไกลโพ้นอย่างไม่มีวันหวนกลับ

    ดูซิขนาดพ่อแม่จากไปพร้อมกัน...ยังไม่ร้องไห้สักนิด

    ว่ากันว่าเธอไม่มีญาติที่ไหนเลย   น่าสงสาร

    ได้ข่าวว่าเธอกำลังสอบเข้ามหาวิทยาลัย   วันเดียวกันนั้นพ่อแม่เธอก็ประสบอุบัติเหตุ

    เสียงกระซิบกระซาบในหมู่เด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกัน    อดทำให้เธอสงสารเด็กสาวไม่ได้   เธอเคยสูญเสียพ่อไปเมื่อ 18 ปีก่อนอย่างน้อยยังเหลือแม่คอยกอดให้ความอบอุ่น   แต่เด็กสาวไม่เหลือใคร...

    ยูริโค้งคำนับทำความเคารพญาติผู้ใหญ่ซึ่งเป็นผู้นำตระกูล    เธอไม่อาจเข้าใจขนบธรรมเนียมที่แสนอึดอัดนี้   แบบอย่างที่นิยมทำกันมาจากรุ่นส่งต่อสู่อีกรุ่น   สายตาแผดเผามองดูแคลนเธอกับแม่ราวกับเป็นพวกนอกรีตไม่ควรแก่การละเว้นโทษ   นี่มันศตวรรษที่   21 หรือเพิ่งเริ่มย่างเข้าสู่สมัยก่อนคริสตกาลกันแน่    ไม้ใกล้ฝั่งเหล่านี้ถึงไม่ยอมเข้าใจพวกคนหนุ่มสาวในยุคปัจจุบัน  นับไม่ถ้วนที่เธอถูกบังคับให้กลับมาเคารพปู่และย่าร่วมถึงญาติผู้ใหญ่ของเธอ   คนเหล่านี้นอกจากผลาญเงินในกระเป๋าแม่และตัวเธอที่อาบเหงื่อต่างน้ำหามา   ยังเหยียดหยามพ่อที่ได้แม่เป็นภรรยา   ทุกคำพูดช่างชวนให้เธอคลื่นไส้จนไม่อาจทนอยู่กลางวงสนทนา

                   ไงเจ้ายูลยิ่งโตยิ่งเหมือนพ่อนะเรา   ชายสูงวัยผมเทาทั้งหัวเอ่ยทักทาย   ปู่ที่แอบส่งจดหมายถึงเธอบ่อยๆ   ชายผู้เป็นเสาใหญ่ของบ้านดูแก่โรยราตามวัย   ใบหน้าเคร่งขรึมช่างขัดกับนิสัยขี้เล่นเหมือนเด็กหนุ่ม    เพราะปู่ขอร้องเธอถึงยอมกลับมาร่วมงานญาติผู้น้องของพ่อ   ไม่สิ   ลูกบุญธรรมของย่าซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องของพ่อ    ควอน ซึงโฮพ่อของเธอเป็นลูกชายคนที่ 4   จากพี่น้องร่วม 5 คนร่วมทั้งลูกบุญธรรมของย่า  

                   เธอกวาดตามองหญิงวัยกลางคนอายุมากกว่าแม่ราว 3 ปีที่นั่งถัดจากย่ามาทางซ้ายมือคือ   ควอน โบรา   พี่สาวคนโตของพ่อ   ซึ่งเปลี่ยนมาใช้นามสกุลจองตามสามีนักธุรกิจ    ถัดมาทางขวามือของปู่คือ   ควอน   แทซัน    ลูกชายคนโตและควอนซาซังพี่ชายคนรอง   แทซันออกเรือนกับไฮโซสาวชีวิตเขาเหมือนหนูตกถังข้าวสารขนาดมหึมา   ทว่าเจ้าสาวเขากลับอวบอ้วนสมบูรณ์ไปเสียทุกสัดส่วน    ขณะอยู่ท่ามกลางหมู่ชนเจ้าหล่อนยังไม่วายทำปากขมุบขมิบเพราะทานของจุบจิบจนมุมปากเปรอะเหมือนหมู   ซาซังลุงรองของเธอออกจะรักสันโดษเห็นว่าเพิ่งกลับออกมาจากการสำรวจป่าเขา   นั่นเป็นเวลาว่างสำหรับเว้นจากงานประจำที่กองบรรณาธิการข่าวที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ใจกลางกรุงโซล  

                   เรียนจบรึยังล่ะ   น้ำเสียงเหยียดหยันกับใบหน้าเชิดหยิ่งสมเป็นอิสตรีสูงส่งในสมัยโซชอน   ย่าของเธอสืบเชื้อเจ้าตกอับแต่กลับคงถือยศถืออย่าง    เจ้าระเบียบ   เข้มงวด   ตรงราวกับไม้บรรทัด   แม่ถูกย่าจงเกลียดจงชั่งตั้งแต่แต่งเข้าตระกูลควอน    หล่อนแทบไม่หันมามองหน้าแม่แม้นิดเดียว

                   ยังค่ะ   ร่างสูงเพียงตอบสั้นๆห้วนๆ 

                   มีเสียงหัวเราะเยาะในลำคอของผู้เป็นย่า   ไม่เอาไหน...ดูอย่างยงฮวาซิอ่อนกว่าแก่ตั้งสองปีเรียนบริหารอีกไม่กี่ปีก็จบแล้ว

                   คุณย่าก็พูดเกินไปผมเพิ่งอยู่แค่ปีสองเองอีกนานกว่าจะจบ    จองยงฮวาลูกชายคนเล็กควอน โบราลูกพี่ลูกน้องของเธอ   ซึ่งย่าหมายหมั่นให้เป็นทองแผ่นเดียวกับหลานสาวบุญธรรมลูกสาวคนเดียวของซออินซึง   ลูกชายบุญธรรมและเป็นน้องชายคนเล็กของพ่อ

                   เอาน่า...เอาน่า   เจ้ายูลมันยังเด็กอยู่ที่นู้นงานคงยุ่งจนไม่มีเวลาเรียน

                   คุณก็ให้ท้ายอยู่นั้นแหละถึงไม่มีเวลาก็ต้องเรียน   มีอาก็อีกคนเลี้ยงลูกยังไงถึงปล่อยให้เกเรหรือว่าไปอยู่เมืองนอกต่างหูต่างตาฉันหล่อนจะทำอะไรก็ได้รึ

                   เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณแม่ยูลขอดร๊อปเรียนเอง   เธอว่าพลางจองหน้าควอน ยูนาท้าทาย

                   ยูลอย่าเสียมารยาท   ต้องขอประทานโทษคุณแม่ด้วยนะคะเรื่องนี้ฉันผิดเอง

                   ช่างเถอะน่า...   ปู่เธอว่าตัดรำคาญก่อนจะหันมาถามหลานสาวที่ไม่ได้เจอหน้ามากว่าสี่ปี   ยูริโตขึ้นมากและดูเป็นผู้ใหญ่กว่าที่เขาคิด   หากซึงโฮมาได้เห็นลูกสาวคงภูมิใจน่าดู   ขอบใจมากนะเงินก้อนนั้นพยุงธุรกิจของสามีป้าแกไม่ให้ล้มไม่เป็นท่า

                   ควอน โบราเม้มปากมีเสียง ชิ ในลำคอ   ส่วนจองฮวานจงสามีเจ้าหล่อนนั่งก้มหน้าไม่ปริปากพูดเช่นไร

                   เพราะอย่างนี้ยูลถึงได้ดร๊อปเรียน   ยูลปล่อยให้แม่คุมสะพานปลาคนเดียวไม่ไหวหรอกไหนจะคนงานอีก   คุณปู่ต้องเข้าใจยูลนะคะ

                   ควอน ยูนาเบือนหน้าหนีไม่ต่างจากคอวน โบราที่เอาแต่หลบสายตาเธอ

                   ที่จริงเงินก้อนนั้นฉันตั้งใจจะส่งให้คุณพ่อคุณแม่อยู่แล้วละค่ะ   อย่าถือว่าเป็นบุญคุณอะไรกันเลย   มีอาพูดแก้ต่างแทนเพราะไม่อยากให้ลูกสาวต้องมาทะเลาะกับย่าและป้า   เธอแต่งเข้ามาเป็นสะใภ้ของตระกูลมีหน้าที่ทำนุบำรุงให้ครอบครัวฝ่ายสามีมีความสุขและไม่ขัดสน   ถึงสามีเธอจะจากไปร่วม 18 ปีแล้วก็ตาม    เธอเป็นเด็กที่เติบโตมาจากสถานสงเคราะห์โชคดีแค่ไหนที่พ่อแม่ฝ่ายชายยินยอมให้เธอใช้นามสกุลเดียวกัน

                   ยูลขอตัวก่อนนะคะ   หญิงสาวลุกพรวดเหลือจะทนกับบรรยากาศชวนผะอืดผะอม   ขื่นอยู่นานกว่านี้คงได้สาวไส้ให้กากิน    ตระกูลใหญ่โตกลับมีแต่ความอิจฉาริษยา   ชิ่งเด่นชิ่งดีกัน   ไม่แปลกที่เด็กคนนั้นถึงมีใบหน้าเย็นชาไม่รู้สึกรู้สากับการจากไปของพ่อแม่   ซออินซึงลูกชายบุญธรรมที่ย่าเอาแต่ลากจูงไปตามแต่ใจต้องการจะให้เป็น    เธอไม่เคยเห็นหน้าอาคนนี้ด้วยซ้ำ

                   อ่ะ...ขอโทษค่ะ   เด็กสาวโค้งศีรษะดูราวกับหุ่นกระบอกของย่า

                   อืม   ยูริบอกปัดผ่านๆก่อนจะเดินสวนออกไป

    สวนกว้างหน้าบ้านหลังใหญ่มีมุมนั่งเล่นประจำของเธอ   ยูริหย่อนสะโพกลงบนม้านั่งสีขาวตัวโปรด   อย่างน้อยเจ้าม้าน้อยตัวนี้ก็ไม่เคยถูกย้ายหรือเก็บทิ้งเหมือนของไร้ประโยชน์เหมือนดอกไม้และหญ้าที่กำลังจะเฉาตายเพราะอากาศหนาวพวกนั้น   4 ปีก่อนบริเวณรอบๆนี้ยังไม่เปลี่ยนไปมาก   เธอแอบหนีออกมาสูบบุหรี่เพราะไม่อาจทนปะทะคารมกับย่าเธอได้และวันเดียวกันนั้นเธอบินกลับอเมริกาโดยไม่บอกกล่าวหรือแม้กระทั่งลาปู่อันเป็นที่รักยิ่งของเธอเลย

                   เอานี่...    กระป๋องเบียร์เย็นเฉียบแตะลงบนพ่วงแก้มขวา   เธอถอนหายใจเฮือกขณะรับจากมือควอน ซาซัง   แกะและเปิดดื่ม   อย่าคิดมากเลยน่า...นานๆแกจะกลับมาที   วันนี้ฉันขอเมากับหลานสาวซักวันหนึ่งแม่ฉันคงไม่ว่าอะไร   ชายผู้เป็นคนพูดให้เธอหยุดร้องไห้ในวันที่พ่อจากไปอย่างไม่มีวันกลับ   น้ำเสียงเปล่งปร่า   อารมณ์เขาช่างอ่อนไหวผิดกับบุคลิกรักสันโดษโดยสิ้นเชิง  

                   แล้วนี่...เมื่อไรลุงรองจะแต่งงานเสียทีอยู่เป็นโสดมาจนปานนี้ไม่เหงาบ้างเหรอ  

                   ฮ่า ฮ่า ฮ่า...   ซาซังหัวเราะจนสำลัก   ฉันไม่อยากเป็นเหมือนพี่สาวและพี่ชาย   อยู่แบบนี้มันก็สบายดีอยู่แล้ว   ว่าแต่แกเถอะลืมรักแรกได้หรือยัง   คราวนี้ฉันไม่ทนนั่งเครื่องบินจนเมาไปหาแกที่อเมริกาแล้วนะโว้ย

                   เรื่องมันเก่านานนมแล้วล่ะลุงรอง   ยูริว่าขณะมองกระป๋องเบียร์สีแสตนเลตในมือ   นัยน์ตาสีน้ำตาลสั่นระริกดูก็รู้ว่าไม่อาจลืมแผลเป็นในใจ   ซาซังวางมือลงบนไหล่...ยังอยู่ตรงนี้แม้ไม่เหลือใครแล้วก็ตาม

                   ขอบคุณนะคะ   แน่ใจหรือว่าไม่อยากเป็นพ่อยูล

                   เจ้าเด็กบ้า...ฮะ ฮ่า ฮ่า   แกอย่ามาใช้ไม้นี้กับฉันเลย   มีอานะรักพ่อแกมากถึงจะผ่านมา 18 ปี   เธอก็ไม่เคยลืมว่าเคยรักพ่อแกมากแค่ไหน   ผิดกับตัวฉันที่ปานนี้ยังหาคำว่ารักจากแม่หญิงคนไหนไม่เจอเลย

                   แม่หญิงเหรอ   ดูพูดเข้าสงสัยโดนย่าพูดกรอกหูทุกวันกระมัง

                   นั้นล่ะ   ที่ฉันเบื่อที่สุดถามอยู่นั้นว่าจะแต่งงานเมื่อไร   ลูกสาวบ้านนี้ดี   ลูกสาวบ้านนั้นสวย   ลูกสาวบ้านนู่นรวย   ลูกสาวบ้านโน้นจบสูงอนาคตไกล   พูดจนหัวฉันหงอกขึ้นทุกวันแล้วเนี้ย

                   นั้นนะซินะ

                   เฮ้อ...ฉันน่ะไม่เท่าไรเอาด้านเอาทนเขาว่า   แต่...เด็กคนนั้นนะซิฉันอดสงสารไม่ได้

                   วินาทีนั้นใบหน้าเย็นชาไร้ชีวิตชีวาของเด็กสาวกระจ่างชัดเต็มในมโนสำนึก   นัยน์ตาเศร้าสร้อยราวกับดอกพลัมที่ผลิดอกผิดฤดูกำลังคิดอะไรอยู่กันนะ....

                  

     

     

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น