In My Heart (YulSeo Ft.SNSD)
ความรักกับความรู้สึกแรกพบจะตราตรึงในหัวใจ เมื่อเรือนใจถวิลหา...
ผู้เข้าชมรวม
1,417
ผู้เข้าชมเดือนนี้
5
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
บทนำ
ฤดูหนาวเพิ่งมาเยื้อนไม่กี่วันหิมะพลันตกราวกับสายฝนโปรย พื้นแปรเปลี่ยนเป็นสีขาวโพลน ชายหญิงในชุดดำสนิทต่างกางร่มสีเดียวกันกับชุดยืนท่ามกลางหิมะโปรย ใบหน้าโศกไร้แววแห่งความสุขภิรมย์ บ้างสะอื้น บ้างเย็นชา บ้างสงบนิ่งคล้ายวิงวอนต่อพระเจ้าเพื่อส่งวิญญาณบริสุทธิ์สู่อ้อมกอดพระองค์ นาฬิกาบนข้อมือบอกเวลา 14 นาฬิกาตรง แต่หิมะบนฟ้ากลับไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก มันกลับเทาทะมึนชวนให้รู้สึกหดหู่เปล่าว้างในหัวใจ วันนี้ทั้งวันไม่มีแม้กระทั่งแสงสีทองอร่ามของพระอาทิตย์สาดส่องถึงยิ่งดูเศร้าสลด แม้สีสันของดอกไม้หลากสีบนหน้าป้ายชื่อผู้ที่นอนหนาวและเย็นชืดในสถานที่ซึ่งวาระสุดท้ายของชีวิตมาเยือนต่างยิ้มเย้ยว่าชีวิตคนเราช่างสั้นยิ่งนัก
ใบหน้าเรียวแหงนมองท้องฟ้าที่เป็นต้นสายของปุยสีขาวเย็นยะเยือก ค่อยๆยื่นฝ่ามือบางสัมผัสเกร็ดบางเบาที่กำลังพวยพุ่งจากเบื้องบนตกสู่พื้นดินเบื้องล่างราวกับใบไม้ร่วงโรย
ความเย็นแล่นจากปลายนิ้วแผ่ซานสู่ร่างกายภายในให้เย็นวาบจนต้องชักมือกลับ ใบหน้านั้นเหลือบมองซีกหน้าซีดเผือดไม่มีเลือดฝาดแม้จะแต่งเติมใบหน้าให้ดูสวยสดของหญิงวัยกลางคนด้านข้าง หล่อนนัยน์ตาแดงระเรื่อและบวมซ้ำเพราะร้องไห้มาตลอดทั้งคืน มือบางสอดแตะสัมผัสมือที่กำลังสั่นระริกด้วยความโสมนัส ไออุ่นเข้ามาแทนที่ความหนาวเหน็บหล่อนหันมาระบายยิ้มบางๆก่อนจะกำมือบางแน่นราวกับโหยหา ใบหน้านั้นยิ้มตอบกลับเพื่อปลอมประโลมคนหัวใจอ่อนไหว
ดวงหน้าเรียวกวาดมองโดยรอบนอกจากสีดำทมิฬเบื้องหน้าของชุดที่บรรดาชายหญิงต่างวัยใส่มาร่วมงานแล้ว แทบไม่มีอะไรแตกต่างไปจากเมื่อก่อนมากนัก ไม่สิ เพราะครั้งก่อนมันเป็นฤดูใบไม้ผลิบริเวณนี้และบริเวณอื่นจึงเต็มไปด้วยความสดชื่นเหมาะแก่การเริ่มต้นชีวิตใหม่เช่นเดียวกับชีวิตเธอ
18 ปีก่อน เธอเคยเป็นเพียงเด็กหญิงตัวน้อยที่ยืนร้องไห้ยิ้มรับกับโชคชะตาของพระเจ้าที่พรากคนรักของเธอและแม่ไป ในวันนั้นราวกับทั้งโลกล่มสลาย แม้พระอาทิตย์จะทอแสงสว่างไสวเหมือนอ้าแขนโอบกอดให้ไออุ่นแก่คนทั้งโลก สำหรับเธอมันคือวันแห่งการสูญเสียและสูญสิ้น ดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ส่งพ่ออันเป็นที่รักสู่สรวงสวรรค์ในที่ซึ่งเธอไม่อาจก้าวข้ามไปหาผู้ซึ่งเป็นที่รักตลอดกาล
เจ้าตะวันแสนงี่เง่ากับดอกไม้สีขาวแทนความบริสุทธิ์อย่างนั้นนะหรือ...ชิ เธอเบ้ปากทำเสียงไม่พอใจในลำคอ
นับจากวันนั้นเธอไม่เคยร้องไห้อีกเลย ชีวิตเธอกับแม่ผ่านอะไรมามากมายผู้หญิงตัวคนเดียวกับลูกสาวที่อายุยังไม่ถึง 6 ขวบดี ถูกขนบประเพณีกักขังอย่างกับนกในกรง แม่ไม่อาจมีคนรักใหม่เพราะกลัวถูกตราหน้าเป็นผู้หญิงมากรักหลายชาย และเธอผู้เป็นเด็กไม่ประสีประสาถูกเพื่อนล้อว่าเป็นลูกไม่มีพ่อ คิดแล้วอยากตะบันหน้ามันสักครั้งสองครั้งให้สาแก่ใจ
“ยูล...มั่วยืนทำอะไรหลวงพ่อท่านกำลังจะทำพิธี” หญิงกลางคนด้านข้างสะกิดเธอเบาๆ
“ขอโทษค่ะ”
เธอยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูอีกครั้ง ขณะนั้นเข็มยาวชี้เลข 6 เข็มสั้นชี้เลข 3 บอกเวลา 15 นาฬิกาครึ่ง จึงเสร็จสิ้นพิธีสวดส่งวิญญาณผู้ล่วงลับสู่แดนสุขาวดีที่ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าสิ่งสถิต
ขณะลมหอบละอองหิมะมาอีกระลอก ผู้คนต่างทยอยกลับ ท่ามกลางเสียงฝีเท้าย้ำลงบนพื้นที่ราวกับถูกปูด้วยพรมหิมะขาวโพลน เด็กสาวใบหน้ารูปไข่พ่วงแก้มชมพูอมแดงมองไม่ออกว่าแต่งหน้าหรือเพราะอากาศหนาว ผมสีดำขลับตัดหน้าม้าเปียยาวสองข้างละถึงแผ่นหลัง ยืนสงบนิ่งงันเหมือนแม่น้ำ นัยน์ตาเด็กสาวว่างเปล่าเหม่อมองสถานที่ซึ่งคนผู้นั้นนอนหนาวชืดและจากไปยังที่ไกลโพ้นอย่างไม่มีวันหวนกลับ
“ดูซิขนาดพ่อแม่จากไปพร้อมกัน...ยังไม่ร้องไห้สักนิด”
“ว่ากันว่าเธอไม่มีญาติที่ไหนเลย น่าสงสาร”
“ได้ข่าวว่าเธอกำลังสอบเข้ามหาวิทยาลัย วันเดียวกันนั้นพ่อแม่เธอก็ประสบอุบัติเหตุ”
เสียงกระซิบกระซาบในหมู่เด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกัน อดทำให้เธอสงสารเด็กสาวไม่ได้ เธอเคยสูญเสียพ่อไปเมื่อ 18 ปีก่อนอย่างน้อยยังเหลือแม่คอยกอดให้ความอบอุ่น แต่เด็กสาวไม่เหลือใคร...
ยูริโค้งคำนับทำความเคารพญาติผู้ใหญ่ซึ่งเป็นผู้นำตระกูล เธอไม่อาจเข้าใจขนบธรรมเนียมที่แสนอึดอัดนี้ แบบอย่างที่นิยมทำกันมาจากรุ่นส่งต่อสู่อีกรุ่น สายตาแผดเผามองดูแคลนเธอกับแม่ราวกับเป็นพวกนอกรีตไม่ควรแก่การละเว้นโทษ นี่มันศตวรรษที่ 21 หรือเพิ่งเริ่มย่างเข้าสู่สมัยก่อนคริสตกาลกันแน่ ไม้ใกล้ฝั่งเหล่านี้ถึงไม่ยอมเข้าใจพวกคนหนุ่มสาวในยุคปัจจุบัน นับไม่ถ้วนที่เธอถูกบังคับให้กลับมาเคารพปู่และย่าร่วมถึงญาติผู้ใหญ่ของเธอ คนเหล่านี้นอกจากผลาญเงินในกระเป๋าแม่และตัวเธอที่อาบเหงื่อต่างน้ำหามา ยังเหยียดหยามพ่อที่ได้แม่เป็นภรรยา ทุกคำพูดช่างชวนให้เธอคลื่นไส้จนไม่อาจทนอยู่กลางวงสนทนา
“ไงเจ้ายูลยิ่งโตยิ่งเหมือนพ่อนะเรา” ชายสูงวัยผมเทาทั้งหัวเอ่ยทักทาย ปู่ที่แอบส่งจดหมายถึงเธอบ่อยๆ ชายผู้เป็นเสาใหญ่ของบ้านดูแก่โรยราตามวัย ใบหน้าเคร่งขรึมช่างขัดกับนิสัยขี้เล่นเหมือนเด็กหนุ่ม เพราะปู่ขอร้องเธอถึงยอมกลับมาร่วมงานญาติผู้น้องของพ่อ ไม่สิ ลูกบุญธรรมของย่าซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องของพ่อ ควอน ซึงโฮพ่อของเธอเป็นลูกชายคนที่ 4 จากพี่น้องร่วม 5 คนร่วมทั้งลูกบุญธรรมของย่า
เธอกวาดตามองหญิงวัยกลางคนอายุมากกว่าแม่ราว 3 ปีที่นั่งถัดจากย่ามาทางซ้ายมือคือ ควอน โบรา พี่สาวคนโตของพ่อ ซึ่งเปลี่ยนมาใช้นามสกุลจองตามสามีนักธุรกิจ ถัดมาทางขวามือของปู่คือ ควอน แทซัน ลูกชายคนโตและควอนซาซังพี่ชายคนรอง แทซันออกเรือนกับไฮโซสาวชีวิตเขาเหมือนหนูตกถังข้าวสารขนาดมหึมา ทว่าเจ้าสาวเขากลับอวบอ้วนสมบูรณ์ไปเสียทุกสัดส่วน ขณะอยู่ท่ามกลางหมู่ชนเจ้าหล่อนยังไม่วายทำปากขมุบขมิบเพราะทานของจุบจิบจนมุมปากเปรอะเหมือนหมู ซาซังลุงรองของเธอออกจะรักสันโดษเห็นว่าเพิ่งกลับออกมาจากการสำรวจป่าเขา นั่นเป็นเวลาว่างสำหรับเว้นจากงานประจำที่กองบรรณาธิการข่าวที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ใจกลางกรุงโซล
“เรียนจบรึยังล่ะ” น้ำเสียงเหยียดหยันกับใบหน้าเชิดหยิ่งสมเป็นอิสตรีสูงส่งในสมัยโซชอน ย่าของเธอสืบเชื้อเจ้าตกอับแต่กลับคงถือยศถืออย่าง เจ้าระเบียบ เข้มงวด ตรงราวกับไม้บรรทัด แม่ถูกย่าจงเกลียดจงชั่งตั้งแต่แต่งเข้าตระกูลควอน หล่อนแทบไม่หันมามองหน้าแม่แม้นิดเดียว
“ยังค่ะ” ร่างสูงเพียงตอบสั้นๆห้วนๆ
มีเสียงหัวเราะเยาะในลำคอของผู้เป็นย่า “ไม่เอาไหน...ดูอย่างยงฮวาซิอ่อนกว่าแก่ตั้งสองปีเรียนบริหารอีกไม่กี่ปีก็จบแล้ว”
“คุณย่าก็พูดเกินไปผมเพิ่งอยู่แค่ปีสองเองอีกนานกว่าจะจบ” จองยงฮวาลูกชายคนเล็กควอน โบราลูกพี่ลูกน้องของเธอ ซึ่งย่าหมายหมั่นให้เป็นทองแผ่นเดียวกับหลานสาวบุญธรรมลูกสาวคนเดียวของซออินซึง ลูกชายบุญธรรมและเป็นน้องชายคนเล็กของพ่อ
“เอาน่า...เอาน่า เจ้ายูลมันยังเด็กอยู่ที่นู้นงานคงยุ่งจนไม่มีเวลาเรียน”
“คุณก็ให้ท้ายอยู่นั้นแหละถึงไม่มีเวลาก็ต้องเรียน มีอาก็อีกคนเลี้ยงลูกยังไงถึงปล่อยให้เกเรหรือว่าไปอยู่เมืองนอกต่างหูต่างตาฉันหล่อนจะทำอะไรก็ได้รึ”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณแม่ยูลขอดร๊อปเรียนเอง” เธอว่าพลางจองหน้าควอน ยูนาท้าทาย
“ยูลอย่าเสียมารยาท ต้องขอประทานโทษคุณแม่ด้วยนะคะเรื่องนี้ฉันผิดเอง”
“ช่างเถอะน่า...” ปู่เธอว่าตัดรำคาญก่อนจะหันมาถามหลานสาวที่ไม่ได้เจอหน้ามากว่าสี่ปี ยูริโตขึ้นมากและดูเป็นผู้ใหญ่กว่าที่เขาคิด หากซึงโฮมาได้เห็นลูกสาวคงภูมิใจน่าดู “ขอบใจมากนะเงินก้อนนั้นพยุงธุรกิจของสามีป้าแกไม่ให้ล้มไม่เป็นท่า”
ควอน โบราเม้มปากมีเสียง ชิ ในลำคอ ส่วนจองฮวานจงสามีเจ้าหล่อนนั่งก้มหน้าไม่ปริปากพูดเช่นไร
“เพราะอย่างนี้ยูลถึงได้ดร๊อปเรียน ยูลปล่อยให้แม่คุมสะพานปลาคนเดียวไม่ไหวหรอกไหนจะคนงานอีก คุณปู่ต้องเข้าใจยูลนะคะ”
ควอน ยูนาเบือนหน้าหนีไม่ต่างจากคอวน โบราที่เอาแต่หลบสายตาเธอ
“ที่จริงเงินก้อนนั้นฉันตั้งใจจะส่งให้คุณพ่อคุณแม่อยู่แล้วละค่ะ อย่าถือว่าเป็นบุญคุณอะไรกันเลย” มีอาพูดแก้ต่างแทนเพราะไม่อยากให้ลูกสาวต้องมาทะเลาะกับย่าและป้า เธอแต่งเข้ามาเป็นสะใภ้ของตระกูลมีหน้าที่ทำนุบำรุงให้ครอบครัวฝ่ายสามีมีความสุขและไม่ขัดสน ถึงสามีเธอจะจากไปร่วม 18 ปีแล้วก็ตาม เธอเป็นเด็กที่เติบโตมาจากสถานสงเคราะห์โชคดีแค่ไหนที่พ่อแม่ฝ่ายชายยินยอมให้เธอใช้นามสกุลเดียวกัน
“ยูลขอตัวก่อนนะคะ” หญิงสาวลุกพรวดเหลือจะทนกับบรรยากาศชวนผะอืดผะอม ขื่นอยู่นานกว่านี้คงได้สาวไส้ให้กากิน ตระกูลใหญ่โตกลับมีแต่ความอิจฉาริษยา ชิ่งเด่นชิ่งดีกัน ไม่แปลกที่เด็กคนนั้นถึงมีใบหน้าเย็นชาไม่รู้สึกรู้สากับการจากไปของพ่อแม่ ซออินซึงลูกชายบุญธรรมที่ย่าเอาแต่ลากจูงไปตามแต่ใจต้องการจะให้เป็น เธอไม่เคยเห็นหน้าอาคนนี้ด้วยซ้ำ
“อ่ะ...ขอโทษค่ะ” เด็กสาวโค้งศีรษะดูราวกับหุ่นกระบอกของย่า
“อืม” ยูริบอกปัดผ่านๆก่อนจะเดินสวนออกไป
สวนกว้างหน้าบ้านหลังใหญ่มีมุมนั่งเล่นประจำของเธอ ยูริหย่อนสะโพกลงบนม้านั่งสีขาวตัวโปรด อย่างน้อยเจ้าม้าน้อยตัวนี้ก็ไม่เคยถูกย้ายหรือเก็บทิ้งเหมือนของไร้ประโยชน์เหมือนดอกไม้และหญ้าที่กำลังจะเฉาตายเพราะอากาศหนาวพวกนั้น 4 ปีก่อนบริเวณรอบๆนี้ยังไม่เปลี่ยนไปมาก เธอแอบหนีออกมาสูบบุหรี่เพราะไม่อาจทนปะทะคารมกับย่าเธอได้และวันเดียวกันนั้นเธอบินกลับอเมริกาโดยไม่บอกกล่าวหรือแม้กระทั่งลาปู่อันเป็นที่รักยิ่งของเธอเลย
“เอานี่...” กระป๋องเบียร์เย็นเฉียบแตะลงบนพ่วงแก้มขวา เธอถอนหายใจเฮือกขณะรับจากมือควอน ซาซัง แกะและเปิดดื่ม “อย่าคิดมากเลยน่า...นานๆแกจะกลับมาที วันนี้ฉันขอเมากับหลานสาวซักวันหนึ่งแม่ฉันคงไม่ว่าอะไร” ชายผู้เป็นคนพูดให้เธอหยุดร้องไห้ในวันที่พ่อจากไปอย่างไม่มีวันกลับ น้ำเสียงเปล่งปร่า อารมณ์เขาช่างอ่อนไหวผิดกับบุคลิกรักสันโดษโดยสิ้นเชิง
“แล้วนี่...เมื่อไรลุงรองจะแต่งงานเสียทีอยู่เป็นโสดมาจนปานนี้ไม่เหงาบ้างเหรอ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า...” ซาซังหัวเราะจนสำลัก “ฉันไม่อยากเป็นเหมือนพี่สาวและพี่ชาย อยู่แบบนี้มันก็สบายดีอยู่แล้ว ว่าแต่แกเถอะลืมรักแรกได้หรือยัง คราวนี้ฉันไม่ทนนั่งเครื่องบินจนเมาไปหาแกที่อเมริกาแล้วนะโว้ย”
“เรื่องมันเก่านานนมแล้วล่ะลุงรอง” ยูริว่าขณะมองกระป๋องเบียร์สีแสตนเลตในมือ นัยน์ตาสีน้ำตาลสั่นระริกดูก็รู้ว่าไม่อาจลืมแผลเป็นในใจ ซาซังวางมือลงบนไหล่...ยังอยู่ตรงนี้แม้ไม่เหลือใครแล้วก็ตาม
“ขอบคุณนะคะ แน่ใจหรือว่าไม่อยากเป็นพ่อยูล”
“เจ้าเด็กบ้า...ฮะ ฮ่า ฮ่า แกอย่ามาใช้ไม้นี้กับฉันเลย มีอานะรักพ่อแกมากถึงจะผ่านมา 18 ปี เธอก็ไม่เคยลืมว่าเคยรักพ่อแกมากแค่ไหน ผิดกับตัวฉันที่ปานนี้ยังหาคำว่ารักจากแม่หญิงคนไหนไม่เจอเลย”
“แม่หญิงเหรอ ดูพูดเข้าสงสัยโดนย่าพูดกรอกหูทุกวันกระมัง”
“นั้นล่ะ ที่ฉันเบื่อที่สุดถามอยู่นั้นว่าจะแต่งงานเมื่อไร ลูกสาวบ้านนี้ดี ลูกสาวบ้านนั้นสวย ลูกสาวบ้านนู่นรวย ลูกสาวบ้านโน้นจบสูงอนาคตไกล พูดจนหัวฉันหงอกขึ้นทุกวันแล้วเนี้ย”
“นั้นนะซินะ”
“เฮ้อ...ฉันน่ะไม่เท่าไรเอาด้านเอาทนเขาว่า แต่...เด็กคนนั้นนะซิฉันอดสงสารไม่ได้”
วินาทีนั้นใบหน้าเย็นชาไร้ชีวิตชีวาของเด็กสาวกระจ่างชัดเต็มในมโนสำนึก นัยน์ตาเศร้าสร้อยราวกับดอกพลัมที่ผลิดอกผิดฤดูกำลังคิดอะไรอยู่กันนะ....
ผลงานอื่นๆ ของ มันดาลา ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ มันดาลา
ความคิดเห็น